ไส้กรองอากาศมีหลายประเภทหลายแบบ แต่ปัจจุบันนิยมใช้แบบกระดาษกรอง เพราะสะดวกต่อการทำความสะอาดหรือเปลี่ยนใหม่ และสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก คือ
ไส้กรองอากาศแบบเปียกและไส้กรองอากาศแบบแห้ง
ไส้กรองอากาศแบบเปียก
ไส้กรองอากาศแบบเปียกจะถือว่าเป็นของโบราณก็ได้ เพราะปัจจุบันไม่เห็นรถรุ่นใหม่ใช้กันแล้ว ลักษณะคือไส้กรองจะใช้ชุบหรือแช่อยู่ในน้ำมันเครื่องบรรดาสิ่งสกปรกจะเกาะติดอยู่กับน้ำมันเครื่อง การทำความสะอาดก็คือการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องที่ไส้กรอง รถที่ใช้ไส้กรองแบบเปียกได้แก่พวกรถโฟล์คหรือรถเบนซ์รุ่นเก่า
ไส้กรองอากาศแบบเปียกจะถือว่าเป็นของโบราณก็ได้ เพราะปัจจุบันไม่เห็นรถรุ่นใหม่ใช้กันแล้ว ลักษณะคือไส้กรองจะใช้ชุบหรือแช่อยู่ในน้ำมันเครื่องบรรดาสิ่งสกปรกจะเกาะติดอยู่กับน้ำมันเครื่อง การทำความสะอาดก็คือการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องที่ไส้กรอง รถที่ใช้ไส้กรองแบบเปียกได้แก่พวกรถโฟล์คหรือรถเบนซ์รุ่นเก่า
ไส้กรองอากาศแบบแห้ง
ไส้กรองอากาศแบบแห้งจะนิยมใช้งานกันมากที่สุด ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ ไส้กรองอากาศแบบธรรมดา และไส้กรองอากาศแบบเคลือบน้ำยา เพื่อให้น้ำยาเป็นตัวจับฝุ่นละอองสิ่งสกปรกที่ปะปนอยู่ในอากาศได้ดียิ่งขึ้น ลักษณะการทำงานก็จะคล้ายกับไส้กรองอากาศแบบเปียกนั่นเอง แต่ลักษณะและโครงสร้างจะต่างกัน
ไส้กรองอากาศแบบแห้งจะนิยมใช้งานกันมากที่สุด ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ ไส้กรองอากาศแบบธรรมดา และไส้กรองอากาศแบบเคลือบน้ำยา เพื่อให้น้ำยาเป็นตัวจับฝุ่นละอองสิ่งสกปรกที่ปะปนอยู่ในอากาศได้ดียิ่งขึ้น ลักษณะการทำงานก็จะคล้ายกับไส้กรองอากาศแบบเปียกนั่นเอง แต่ลักษณะและโครงสร้างจะต่างกัน
พวกไส้กรองอากาศแบบแห้งนั้นสมัยที่ใช้คาร์บูเรเตอร์เป็นตัวป้อนเชื้อเพลิง ตัวหม้อกรองอากาศจะอยู่เหนือคาร์บูเรเตอร์ การถอดไส้กรองออกมาทำความสะอาดเป็นเรื่องง่าย แทบไม่ต้องใช้เครื่องมืออะไรเป็นพิเศษ อย่างมากก็ใช้ไขควงช่วงงัดตัวล็อก หรือนิ้วแข็งพอก็สามารถใช้มือธรรมดาเปิดล็อคฝาปิดไส้กรองอากาศ นำเอาไส้กรองอากาศออกมาทำความสะอาดได้ ส่วนเครื่องยนต์รุ่นใหม่ที่ใช้ระบบหัวฉีด หม้อกรองอากาศจะถูกผนึกแน่นกว่าปกติ เพราะหากหม้อกรองอากาศรั่วไหลได้ จะมีผลกับการทำงานของเครื่องยนต์ ดังนั้นการถอดหม้อกรองอากาศเอาไส้กรองอากาศออกมา บางทีก็ต้องใช้เครื่องมือและฝีมือพอสมควรด้วยเหตุนี้สำหรับเจ้าของรถบางคนที่ต้องการทำความสะอาดไส้กรองอากาศ ต้องอาศัยการลงมือของช่างไม่ว่าจะเป็นช่างตามศูนย์ หรือช่างที่อยู่ตามปั๊มน้ำมันก็ได้
พวกไส้กรองอากาศที่เป็นแบบกระดาษอาบน้ำยา สามารถดักจับฝุ่นละอองสิ่งสกปรกไม่ให้หลุดลอดเข้าไปในเครื่องยนต์ได้ดีกว่าไส้กรองธรรมดา แต่ไม่สามารถใช้วิธีเอาลมเป่าทำความสะอาดได้ เพราะมักจะทำให้เกิดการอุดตันเพิ่มขึ้นมากกว่าจะสะอาด ต้องใช้วิธีเปลี่ยนใหม่กันอย่างเดียวหากเกิดการอุดตันหรืออากาศไหลผ่านไม่สะดวกเท่าที่ควรแล้ว
ส่วนพวกไส้กรองกระดาษธรรมเราสามารถเป่าทำความสะอาดได้ โดยการทำความสะอาดเราจะใช้ลมแรง ๆ เป่าจากด้านในไปสู่ด้านนอก หรือจากด้านที่เราเห็นว่าสะอาดกลับออกไปทางด้านสกปรก แม้เราจะเห็นว่าการเป่านั้นไม่สามารถทำให้ฝุ่นที่สกปรกฟุ้งออกมาได้มากเท่ากับการเป่าลมแรง ๆ ไปที่ด้านสกปรกก็ตาม เพราะการเป่าด้านสกปรกฝุ่นละอองสิ่งสกปรกจะถูกดันเข้าไป จนไปคาอยู่ทางด้านสะอาดแล้วหลุดเข้าไปในเครื่องยนต์ภายหลังได้ แบบนี้ก็จะทำให้เครื่องยนต์เสียหายหรือเกิดการสึกหรอโดยไม่สมควรเลย
การซื้อไส้กรองเปลี่ยนใหม่ต้องดูให้ดีว่าเป็นของที่มีคุณภาพด้วย เพราะพวกอะไหล่ที่ไร้คุณภาพกระดาษกรองจะไม่ดี ความยาวของกระดาษกรองที่พับมีน้อย ความสามารถในการเก็บกักฝุ่นละอองสิ่งสกปรกมีต่ำกระดาษกรองถูกความชื้นก็จะบวมทำให้อากาศไหลผ่านลำบาก หากไม่แน่ใจก็ควรใช้วิธีเบิกห้าง แม้จะแพงหน่อยแต่ก็มั่นใจในคุณภาพได้
ไส้กรองน้ำมันเชื้อเพลิง
อีกสิ่งหนึ่งที่ไม่ค่อยได้ดูแลกันเท่าไหร่นัก คือ ไส้กรองน้ำมันเชื้อเพลิง โดยเฉพาะรถรุ่นใหม่ที่ใช้ระบบหัวฉีด ไส้กรองน้ำมันเชื้อเพลิงจะมีความสำคัญมากเป็นพิเศษ
ทั้งในระหว่างการขนส่งหรือการเก็บก็ตาม น้ำมันเชื้อเพลิงอาจจะได้รับสิ่งสกปรก เช่น สนิม หรือฝุ่นผง ยิ่งพวกที่ชอบใช้น้ำมันจนเกือบหมดหรือหมดถังแล้วค่อยเติม ปั๊มน้ำมันจะดูดเอาตะกอนกันถังน้ำมันเข้าไปด้วย ถ้าไม่มีไส้กรองน้ำมันเชื้อเพลิง สิ่งสกปรกเหล่านี้จะไปอุดท่อทางเดินน้ำมัน อุดนมหนูของพวกคาร์บูเรเตอร์ หรืออุดทางเดินของหัวฉีดในเครื่องระบบหัวฉีด
พวกเครื่องคาร์บูเรเตอร์ตัวไส้กรองจะเห็นได้ชัด ราคาก็ไม่แพงนักสมควรเปลี่ยนบ่อยหน่อย ประมาณ 15,000 กิโลเมตรต่อครั้ง ส่วนพวกเครื่องหัวฉีดแม้จะแพงหน่อย แต่ก็ควรเปลี่ยนประมาณ 15,000 กิโลเมตรต่อครั้งเช่นเดียวกัน ส่วนพวกรถบางรุ่นที่ย้ายเอาไส้กรองน้ำมันเชื้อเพลิงไปไว้ในถังน้ำมัน การถอดเปลี่ยนจะต้องรื้อเยอะมาก อันนี้ให้เปลี่ยนตามที่บริษัทรถกำหนด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น